วันนี้พานางมาลองเนิสเซอรี่วันแรก
เตรียมตัวก่อนเข้าอนุบาลเดือนเมษานี้ 🇯🇵
.
แม่แอบหวั่นมาก เพราะเอริคไม่เคยไปร.ร.คนเดียวมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว
(มีแต่ไปลองเรียนโดยมีแม่ไปด้วยแค่ครั้งเดียว)
กลัวนางจะร้องไห้ เพราะตอน2ขวบ เคยพานางไปลองเรียนโดยไม่มีแม่1 ช.ม.
นางร้องไห้หนักมาก ตอนนั้น
.
.
พาเอริคมาที่เนิสก่อนเวลา เลยพานางเล่นข้างหน้าห้อง
พอถึงเวลา แม่ก็คุยกับเซนเซ พร้อมพานางไปส่ง
พอนางเห็นเพื่อนๆเท่านั้นแหล่ะ
ก็อยากเข้าไปเล่นด้วย
เซนเซเลยพาเข้าไปแบบเนียนๆ บอกว่า "เอริคคุง ไปล้างมือกัน"
และก็บ๊ายบาย แม่(แม่ก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว กลัวนางเปลี่ยนใจร้องไห้)
.
ตอนมารับ
อิแม่ตื่นเต้นมาก มาก่อนล่วงหน้าตั้งครึ่งช.ม.
อยากเจอลูกไวๆ
อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง
.
พอถึงเวลาเข้าไปรับ
เซนเซก็เรียกเอริคออกมา
พร้อมทั้งให้กระดาษรายงานพฤติกรรมของเอริคในวันนี้
พอเอริคเห็นหน้าแม่ นางยิ้มร่าเลย
แต่ยังคงไม่วิ่งออกมา ยังห่วงขี่จักรยานอยู่
ดูนางแฮปปี้มาก ☺️❤️
.
แม่แอบถามเซนเซว่าเอริคเป็นยังไงบ้าง
มีร้องไห้มั้ยหลังจากแม่ไปมั้ย
เซนเซบอกว่า "ไม่ร้องเลย"
เอริคตื่นเต้นและสนุกกับสิ่งใหม่ๆ
มีร้องไห้อยู่2ครั้ง คือ
ตอนที่เผลอกัดลิ้นตัวเอง กับ ตอนขี่จักรยานล้ม แต่ไม่มีแผลหรือพกช้ำอะไร
(เซนเซรายงานละเอียดดีมาก จริงๆถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ แต่เซนเซบอก)
.
ระหว่างทางกลับบ้าน
ก็ถามเอริคว่าดีมั้ย ชอบมั้ย?
นางบอกว่า "ชอบ สนุก อยากมาอีก"
(อิแม่ดีใจ☺️❤️)
เลยคิดว่าจะให้ไปอาทิตย์ละ2ครั้ง
ครั้งละ3 ช.ม ช่วงบ่าย
เป็นการเตรียมปรับตัวก่อนเข้าอนุบาล
เพราะอยู่บ้านอย่างเดียว ก็ไม่มีอะไรทำ มานี่จะได้เจอเพื่อน ได้ทำกิจกรรมต่างๆพร้อมเพื่อนๆ น่าจะดีกว่า
.
ตอนแรกแอบเป็นห่วงเรื่องภาษา
ว่าภาษาญี่ปุ่นของเอริคจะโอเคมั้ย
แต่เซนเซชมว่า
เอริคพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีเท่ากับเด็กญี่ปุ่น3ขวบทั่วไปเลย สำเนียงก็ดี ชัดไม่เพี้ยน กล้าพูด
พอฟังแล้วแม่ก็แอบดีใจ❤️
(ไม่เสียแรงที่อ่านนิทานให้ฟังทุกคืน)
เพราะที่ผ่านมา
พูดภาษาไทยเป็นหลักมาตลอด
จะมีสอนภาษาญี่ปุ่นให้ ก็หลัง2ขวบไปแล้ว แค่ตอนก่อนนอนเท่านั้น และ
เพิ่งจะหันมาพูด(สอน)ญี่ปุ่นกับนางจริงๆจังๆ
พอรู้ว่าต้องมาญี่ปุ่นได้ไม่นาน
เพื่อที่อย่างน้อย ถ้านางมาเรียนที่นี่
จะได้พอสื่อสารกับครูหรือเพื่อนได้บ้าง ดีกว่ามาแบบไม่รู้อะไรเลย อาจใช้เวลาปรับตัวนานกว่า
(แต่ที่สอน ไม่ได้มานั่งสอนอัดแบบวิชาการนะคะ แค่เรื่มพูดกับนางเป็นภาษาญี่ปุ่นบ้าง ในชีวิตประจำวัน แบบง่ายๆ เป็นคำๆ)
.
สังเกตว่า เด็กๆ ความจำดีมาก
ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจใช้เวลานานกว่า
ตัวอย่างเช่น เอริคตอนนี้
ไม่ใช่แค่ภาษาญี่ปุ่น แต่ภาษารัสเซียด้วย
ก่อนมา ภาษารัสเซียนางได้น้อยมาก
แต่พอมานี่ ได้อยู่กับป๊า
อยู่ดีๆ นางก็เริ่มพูดรัสเซียได้ซะงั้น ภายในเวลาแค่2สัปดาห์แรก (ทั้งๆที่แม่ก็นั่งฟังป๊าสอนอยู่ข้างๆเหมือนกัน แต่จำไม่ได้เลย😂 สำเนียงมันยาก)
และนางก็สลับภาษาได้ ไม่งงเลย
พูดกับป๊า คือ รัสเซีย
พอป๊าบอกให้ไปถามแม่
นางสวิสต์มาเป็นญี่ปุ่น
พอวีดีโอคอลกับคุณยาย นางก็พูดไทย โดยที่ไม่ปน (เหมือนนางรู้ว่าคุณยายเข้าใจแต่ภาษาไทย)
.
สรุปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง
ไม่อยากยัดเยียด หรือคาดหวังกับลูกมากเกินไป
เราคงจะสอนกันแบบธรรมชาติ
โดยวิธีคุยกันแบบธรรมชาติ
ไม่มานั่งบังคับว่าลูกต้องท่องจำ หรือไวยากรณ์ตัองเป๊ะ
แค่พูดได้ สื่อสารได้ พูดแบบธรรมชาติก็พอละ
.
หลักๆ ตอนนี้ แค่3ภาษา คือ ไทย ญี่ปุ่น รัสเซีย
ส่วนภาษาอังกฤษ ไม่ซีเรียส
ค่อยปล่อยให้ไปเรียนที่ร.ร.ละกัน 😂
เพราะพ่อกับแม่ คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ
ถ้านางอยากรู้ว่าพอแม่คุยอะไรกัน ก็คงอยากเรียนภาษาอังกฤษเอง5555
.
ป.ล. วันนี้ไม่ร้อง แต่คราวต่อไปไม่รู้😂 เพราะฉะนั้น ยังวางใจไม่ได้ 100%
#ครอบครัวหลายภาษา
.
🔴ติดตาม เอริค
https://www.instagram.com/eric_filatov/
.
📍TIKTOK: https://vt.tiktok.com/ZSvdoh8K/
.
📍ปกติพูดกับลูกภาษาอะไร?
https://www.facebook.com/1407865602780315/posts/2728834344016761/?d=n
.
🇯🇵เทคนิคการสอนลูกพูดญี่ปุ่น
https://youtu.be/TtIkOGT1uJ8